ภาคกลางถือว่าเป็นภาคที่มีความอุดมสมบูรณ์มากที่สุด ทั้งการดำรงชีวิต
และการทำมาหากิน
สภาพพื้นดินนั้นส่วนใหญ่เป็นพื้นดินริมแม่น้ำจึงเหมาะสมต่อการเพาะปลูก
อาชีพส่วนใหญ่ของคนไทยในภาคนี้ ได้แก่ การทำนาข้าว ทำสวน การประมง
และการทำอุตสาหกรรมต่างๆ
อาหารพื้นเมืองของคนภาคกลางมีความหลากหลายมากกว่าภาคอื่น
ในบางครั้งจึงดูเหมือนเป็นการนำอาหารท้องถิ่นของแต่ละภาคมารวมกัน
แล้วมีการดัดแปลงวิธีการเตรียมและการประกอบอาหารให้มีความหลากหลายมากขึ้น คนภาคกลางนิยมกินข้าวหุงหรือข้าวเจ้าเป็นอาหารหลัก
ส่วนกับข้าวนั้นมีความหลากหลายค่อนข้างมาก อาทิ
แกงของภาคกลางมักนิยมแกงที่ใช้กะทิเป็นส่วนประกอบหลัก
ซึ่งสามารถแยกแกงที่ใส่กะทิได้เป็น 2 ประเภท คือ
แกงกะทิประเภทที่ใช้น้ำพริกแกง
แกงกะทิประเภทแกงกะทิประเภทที่ไม่ใช้น้ำพริกแกง
ประเภทที่ใช้น้ำพริกแกงแบ่งได้อีกเป็น
2 ประเภท คือ
แกงที่ใช้น้ำพริกและใส่กะทิ
เช่น แกงเผ็ดต่างๆ แกงมัสมั่น แกงกะหรี่
แกงที่ใช้น้ำพริกแกงแต่ไม่ใส่กะทิ
เช่น แกงป่า แกงส้ม
ประเภทที่ไม่ใช้น้ำพริกแกง
ยังสามารถแบ่งเป็น 2 ชนิดได้ตามรสชาติของแกง
แกงที่มีรสหวาน
เค็ม เปรี้ยวนิดหน่อย ได้แก่ สายบัวต้ม กะทิ ต้มส้มต่างๆ
แกงที่มีรสเปรี้ยว
เค็ม เช่น ไก่ต้มข่า ต้มยำต่างๆ ที่มีการใส่พริกลงไปเพื่อให้มีรสเผ็ดร่วมด้วย
แกงเผ็ดของภาคกลางยังสามารถแบ่งตามชนิดของน้ำพริกแกงได้เช่นกัน
เช่น แกงคั่ว แกงเผ็ด แกงเขียวหวาน แกงส้ม
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าเพียงเฉพาะอาหารประเภทแกงของภาคกลางยังมีความหลากหลายค่อนข้างมาก
มีการใช้เครื่องปรุงเครื่องเทศทั้งที่เป็นของแห้งและของสดมากมายหลายชนิด
เป็นชนิดที่ใช้สำหรับการปรุงรสและชนิดที่ช่วยปรุงแต่งกลิ่นและทำให้สีสันของอาหารชวนกินมากขึ้น
เป็นที่น่าสังเกตว่าอาหารของภาคกลางหลายชนิดได้รับอิทธิพลของอาหารชาติอื่นด้วยเช่นกัน
อาทิ อาหารประเภทผัด นึ่ง และแกงจืดที่คาดว่าได้รับอิทธิพลมาจากอาหารของชาติจีน
อาหารที่ใส่เครื่องเทศ แกงกะทิ
คาดว่าได้รับอิทธิพลจากอาหารของอินเดียที่มีการใช้เครื่องเทศและใช้นมในการประกอบอาหารโดยที่คนไทยนำมาดัดแปลงใส่กะทิลงในแกงแทนนม
เป็นต้น
เนื่องจากสภาพภูมิศาสตร์ของภาคกลางเป็นที่ราบลุ่ม มีแม่น้ำลำคลอง
หนองบึงมากมาย จึงเป็นแหล่งอาหารทั้งพืชผักและสัตว์น้ำนานาชนิด
พื้นที่บางส่วนติดชายฝั่งทะเลทำให้วัตถุดิบ ในการประกอบอาหารหลากหลายอุดมสมบูรณ์
อาหารภาคกลางมีความหลากหลายทั้งในการปรุง
รสชาติ และการตกแต่งให้น่ารับประทาน สืบเนื่องจากการรับและปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมจากภายนอก
เช่น จีน อินเดีย ชาวตะวันตก อีกทั้งอาหารภาคกลางบางส่วนได้รับอิทธิพลมาจากอาหารของราชสำนักอีกด้วย
สำรับอาหารภาคกลางมักมีน้ำพริกและผักจิ้ม
โดยรับประทานข้าวสวยเป็นหลัก ลักษณะอาหาร ที่รับประทานมักผสมผสานระหว่างภาคต่าง ๆ
เช่น แกงไตปลา ปลาร้า น้ำพริกอ่อง
กับข้าวพื้นบ้านของคนภาคกลางซึ่งเป็นแหล่งรวมสำรับอาหารอันหลากหลาย
ประกอบขึ้น ด้วยวิธีการปรุงหลายแบบ เช่น แกง ต้ม ผัด ทอด และมักใช้กะทิใส่อาหาร ประเภทแกงเผ็ดทุกชนิด เช่น แกงเขียวหวาน
นอกจากนี้มีแกงส้ม แกงเลียง แกงป่า แกงจืด
อาหารพื้นบ้านภาคกลางที่มีชื่อเสียงได้รับความนิยมไปทั่วโลกคือ ผัดไทย
ต้มยำกุ้ง ที่ประกอบไปด้วยพืชสมุนไพรหลายชนิด
และประกอบขึ้นจากพืชผักที่หาได้ในท้องถิ่นทั่วไป ล้วนแต่มีสรรพคุณเป็นยา
มีประโยชน์ต่อร่างกายทั้งสิ้น
ที่มา : http://www.thaigoodview.com/node/50680
http://lms.thaicyberu.go.th/officialtcu/main/advcourse/presentstu/course/others/wilaiporn/__87.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น